UFABETWIN สิงห์บลูส์ ไม่ไหว! 5 ข้อ แมนยู ฮึดไล่เจ๊า เชลซี ทดเวลา
เหมือนถูกเขียนบทเอาไว้ล่วงหน้าอีกจนได้เมื่อในที่สุด เชลซี กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กินกันไม่ลง เสมอกันไปอีกเกมจากการฟาดแข้งศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ต.ค.
แน่นอนว่า สิงห์บลูส์ หวิดกำชัยได้จากการเล่นที่ทะเล่อทะล่าจนทำเสียลูกโทษของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ตัวสำรองก่อนหมดเวลาสามนาทีโดยที่ จอร์จินโญ่ สังหารไม่พลาด แต่ ผีแดง รวมรวมสปิริตฮึดสู้สุดชีวิตกระทั่ง กาเซมีโร โขกตีเสมอให้ทีมเยือนได้ในช่วงทดเวลาโดยที่บอลข้ามเส้นประตูไปแล้ว ก่อนที่ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า จะพยายามควักออกมา
1.ส่องการวางหมากของทั้งสองฝ่าย
เอริค เทน ฮาก กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจปรับทัพหนึ่งรายจากเกมเฝ้าบ้านสยบ สเปอร์ส 2-0 โดยเลือกถอด เฟร็ด กองกลางทีมชาติ บราซิล ซึ่งมีผลงานที่ยอดเยี่ยมนัดก่อนให้นั่งเป็นตัวสำรองเนื่องจาก คริสเตียน เอริคเซ่น จอมทัพทีมชาติ เดนมาร์ค สลัดอาการป่วยทิ้งได้เป็นปลิดทิ้งแล้ว
ต่างไปจาก เชลซี ของ แกรม พ็อตเตอร์ ซึ่งโรเตชั่นทีมมากถึงสี่ตำแหน่งจากนัดที่แล้วที่พวกเขาบุกไปทำได้แค่เสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด 0-0
แต่ที่สำคัญที่สุด ในจำนวนนี้ สิงห์บลูส์ ขาด คาลิดู คูลิบาลี่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ เซเนกัล ไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยซึ่งมีการอธิบายออกมาเรียบร้อยแล้วว่าเขาเจ็บเข่า
2.ครึ่งแรก ผีข่มเจ้าบ้านมิด
แม้จะต้องบุกมาเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่เกมในครึ่งแรกเป็น ผีแดง ที่เล่นได้เหนือว่าเจ้าบ้านอย่างเห็นได้ชัด ขาดก็แต่สกอร์ และเป็น เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ที่อยู่ในช่วงท็อปฟอร์มช่วยเซฟให้เศรษฐีลอนดอนรอดพ้นจากการเสียประตู
หลังบดเกือกกันครบ 45 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมได้เหนือกว่า 53:47% และหาช่องทำประตูได้ดีกว่า 8:3 ครั้งโดย เกปา ต้องออกแรงเซฟทั้งหมด 4 ครั้ง รวมแล้วมือกาวสแปนิชมีเปอร์เซนต์เซฟประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในซีซั่นนี้สูงถึง 95% เลยทีเดียว ขณะที่ ดาบิด เด เคอา เซฟแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เห็นได้เช่นกันว่า พ็อตเตอร์ แก้เกมได้ไม่เลวเลยเมื่อตัดสินใจใช้โควต้าเปลี่ยนตัวสำรองรายแรกตั้งแต่ครึ่งแรกในนาทีที่ 36 โดยดึง มาร์ค คูคูเรย่า เด็กเก่าที่เคยร่วมงานกันในทีม ไบรท์ตัน ออก และส่ง มาเตโอ โควาซิช ลงเติมไปแดนกลาง
นับจากนั้นโมเมนตัมก็เริ่มเปลี่ยนเนื่องจากเกมของ เชลซี แน่นขึ้นทันตาเห็น พร้อมทั้งมีโอกาสบุกไปสร้างปัญหาให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มากขึ้นด้วยก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ในครึ่งแรก
3.ซานโช่ ยังขุนไม่ขึ้น
หลังจากพังประตูทีมเจ้าถิ่นในครึ่งแรกไม่สำเร็จ เทน ฮาก ตัดสินใจเปลี่ยนตัวสำรองรายแรกในนาทีที่ 52 ให้ เฟร็ด ลงบู๊แทน เจดอน ซานโช่ ซึ่งเป็นรายเดียวที่เล่นได้อย่างน่าผิดหวังในฝั่งของ ผีแดง ช่วง 45 นาทีแรก ขณะที่พรรคพวกอีก 10 รายล้วนได้คะแนนความสามารถจากสื่อในครึ่งแรกอยู่ในเกณฑ์ดีด้วยกันทั้งนั้น
สำหรับเจ้าของค่าตัว 73 ล้านปอนด์ ถึงตอนนี้แล้วเขายังตอบแทน ผีแดง ไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็นเลย และบางทีเกมหน้า เทน ฮาก อาจพิจารณาดร็อปดาวเตะทีมชาติอังกฤษให้นั่งสำรองอย่างจริงๆจังๆบ้างก็เป็นได้เพื่อมอบโอกาสให้ แอนโธนี่ อีแลงก้า ได้ลงบู๊มากขึ้น
4.วาราน ขยันเดี้ยงซ้ำซาก
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นงานใหญ่หรือเปล่านะวิ แต่เมื่อเกมดำเนินมาถึงหนึ่งชั่วโมง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ประสบกับปัญหา ราฟาแอล วาราน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟคนสำคัญล้มเจ็บเองอีกจนได้ และต้องเปลี่ยนตัวออกให้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ลงมาแทนจนหวิดเป็นจุดเปลี่ยนที่เอื้อประโยชน์ให้กับ เชลซี อยู่เหมือนกัน
แน่นอนว่าลองมาเจ็บเอาในช่วงนี้ วาราน ซึ่งร้องไห้โฮ แต่เดินออกจากสนามเองได้ก็ต้องลุ้นว่าจะมีผลกระทบในทางลบไปถึงศึก ฟุตบอลโลก ด้วยหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผีแดง เสียหายแน่นอนเนื่องจากเขาประสานงานกับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ได้อย่างสมบูรณ์แบบจนทำให้ทีมมีเกมรับที่น่าไว้วางใจมากขึ้น
5.พ็อตเตอร์ ยังไม่เสียซิง , สเตอร์ลิ่ง ถูกผีอำยาว
หลังจากเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ จบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ก็เท่ากับว่า เทน ฮาก ไม่อาจล้างตา พ็อตเตอร์ ได้หลังจากนายใหญ่ชาวฮอลแลนด์พ่ายให้กับผู้จัดการทีมอิงลิชตั้งแต่เกมเปิดซีซั่นซึ่งช่วงนั้น พ็อตเตอร์ ยังกุมบังเหียน ไบรท์ตัน แต่อย่างน้อยผลเสมอสำหรับ เทน ฮาก ก็ย่อมดีกว่าโดนย้ำแค้นเพิ่มเป็นไหนๆโดยเฉพาะ ผีแดง เล่นกันได้ไม่เลวเลย และออกจะเหนือกว่า สิงห์บลูส์ ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ พ็อตเตอร์ ยังสานผลงานไม่แพ้ในทุกรายการรวมเจ็ดนัดแล้วนับตั้งแต่ได้คุมทีมเมืองกรุงแทนที่ โธมัส ทูเคิ่ล แต่แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากันของทั้งสองทีมคู่นี้หนีไม่พ้นต้องจบลงด้วยผลเสมออีกตามเคยซึ่งเป็นสถิติคู่ที่เจ๊ากันบ่อยที่สุดใน พรีเมียร์ลีก
สำหรับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไม่ว่าจะค้าแข้งกับสโมสรไหน เขาก็ไม่เคยสอยตาข่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สักทีกับทุกรายการ รวมถึงเกมล่าสุดนี้ด้วยที่ดาวเตะผิวสีเล่นไม่ออกจากสถิติที่หลากหลายหลังจบเกมดังนี้
-ไม่มีเกม พรีเมียร์ลีก คู่ไหนแบ่งแต้มกันมากไปกว่าเกมระหว่าง เชลซี กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกแล้ว (26 ครั้ง) แถมเจ็ดจากเก้านัดหลังจบลงด้วยการเสมอกัน และเป็นการเจ๊ากันอย่างต่อเนื่องในห้านัดหลังด้วย
-เชลซี ไม่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก สิบนัดหลัง (เสมอ 7 แพ้ 3) มีแค่ แบล็คเบิร์น (12 นัด ปี 1992-1998) กับ อาร์เซน่อล (19 นัด ปี 1995-2005) เท่านั้นที่พวกเขาไม่อาจเอาชนะได้ในเวลาที่ยาวนานกว่าในรายการเดียวกัน
-แกรม พ็อตเตอร์ ยังไม่แพ้นับตั้งแต่ย้ายมาคุมทีม เชลซี และเขาไม่แพ้ ผีแดง มาตลอดสามนัดหลังของเกม พรีเมียร์ลีก (ชนะ 2 เสมอ1) แม้นับตั้งแต่เริ่มจับงานคุมทีม เขาจะแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมลีกมาตลอดห้านัดแรกก็ตาม
-ถึงตอนนี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยิงประตู แมนฯ ยูไนเต็ด ในทุกรายการไม่ได้เลยนานถึง 24 นัดแล้วนับตั้งแต่ยึดอาชีพพ่อค้าแข้งมากกว่าที่เขาดวลกับคู่แข่งทุกสโมสรจากตัวเลขได้ส่องยิงรวมทั้งหมด 38 ครั้ง และเข้ากรอบ 15 ครั้ง
-จอร์จินโญ่ ยิงลูกโทษใน พรีเมียร์ลีก ตุงตาข่าย 19 จาก 22 ครั้งให้กับ เชลซี คิดได้เป็น 86% และมีแค่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด รายเดียวที่เหนือกว่าเขาในทีม สิงห์บลูส์ จากการตะบันลูกโทษ 41 ลูกในเกม พรีเมียร์ลีก